แรชฟอร์ดหล่อ,ลัลลาน่าวีรบุรุษ : ผ่า 5 ข้อความสำคัญ หงส์แดงบุกแบ่งแต้มแมนยู




แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด โชว์ฟอร์มเด่นในเกม "แดงเดือดโดยสามารถสกัดกั้นความร้อนแรงของ หงส์แดง ที่เก็บชัย 8 นัดหมายรวดในช่วงฤดูกาลนี้ ด้วยการเปิดบ้านเสมอ "ลิเวอร์พูล" 1-1 ในศึกพรีเมียร์ลีก อังกฤษ เมื่อวันอาทิตย์ที่ 20 ต.ค.ผ่านมา
สำหรับในครึ่งแรกจะต้องสารภาพว่า "ผีแดงโชว์ฟอร์มก้าวหน้า แล้วก็ได้โอกาสได้เล่นตามเกมของตนเองพอควร จนถึงมาได้ประตูขึ้นนำในนาทีที่ 36 จาก มาร์คัส แรชฟอร์ด แม้ว่าจะมีการเช็ควีเออาร์เพราะว่ามีปัญหาจากการที่ ดิว็อค โอริกี้ โดน วิคตอร์ ลินเดอเลิฟ เตะ แต่ว่าท้ายที่สุดท่านเปาการันตีคำพิพากษาเดิม วิธีทำเงินไฮโลออนไลน์

เวลาเดียวกันในช่วงท้ายครึ่งแรก หงส์แดง แทบได้ประตูตีเสมอ แม้กระนั้นวีเออาร์สวมบทดารานำชายเมื่อแสดงภาพแน่ชัดว่าบอลไปโดนมือ ซาดิโอ มาเน่ ก่อนที่จะเขาจะตะบันบอลเข้าไปซุกก้นตาข่าย แต่ผู้แสดงนำชายตัวจริงของ "ลิเวอร์พูลก็คือ อดัม ลัลลาน่า ที่ซัดประตูตอน 5 นาทีในที่สุด ทำให้กลุ่มบุกมาแบ่งแต้มได้เสร็จ

แน่ๆว่าผลเสมอในเกมนี้เป็นการหยุดช่องทางที่ "เดอะ เร้ดส์" จะทำสถิติชนะรวด 18 เกมในพรีเมียร์ลีก เท่ากัน แมนเชสเตอร์ ซิตี้ แต่ว่า 1 คะแนนก็ยังนับว่าดีเนื่องมาจากฟอร์มของ หงส์แดง ในเกมนี้นับว่าต่ำลงมากยิ่งกว่ามาตรฐาน รวมทั้งยังส่งผลให้พวกเขานำห่าง "เรือใบสีฟ้า" 6 คะแนน

1. แรชฟอร์ดระเบิดฟอร์ม
มาร์คัส แรชฟอร์ด โดนวิภาควิจารณ์อย่างมากในช่วงฤดูกาลนี้ แม้กระนั้นเขายังคงเป็นผู้เล่นสำคัญของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เสมอ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเกมนี้บรรดาสาวก "เร้ด อาร์มี่" คงจะได้มองเห็นแล้วว่านี่เป็นหัวหอกตัวความคาดหมายที่จะผลักกลุ่มขึ้นมาจากโซนด้านหลังตารางได้

ดาวเตะเลือดผู้ดี เบิกประตูขึ้นนำให้กับกลุ่มรักโดยบ่งบอกถึงถึงความยอดเยี่ยมสำหรับเพื่อการวิ่งหาตำแหน่ง ก่อนที่จะจัดแจงจบสกอร์แบบสบายๆภายหลังจากได้รับลูกเปิดมอบให้พานจากเจ้าหนูสายฟ้า แดเนี่ยล เจมส์ โดยนี่เป็นประตูลำดับที่สามที่เขายิงได้สำหรับเพื่อการสู้กับ "ลิเวอร์พูลและก็เป็นประตูที่ 11 ในพรีเมียร์ลีก สำหรับการเจอกับกลุ่มระดับบิ๊กซิกซ์

แน่ๆว่าการมีชื่อเสียงว่าเป็น "กองหน้าถ้าหากขัดสนประตูย่อมจะต้องโดนวิภาควิจารณ์เป็นปกติ ซึ่ง แรชฟอร์ด ก็เป็นเยี่ยมในนักฟุตบอลที่พบกับเหตุการณ์นี้ จนถึงมีบางบุคคลเสนอคำถามว่า "แรชซี่มีดีพอที่จะยืนเป็นหัวหอกให้กับยอดกลุ่มที่ถิ่นโอลด์ แทร็ฟฟอร์ด ไหม เว็บพนันบอลที่ดีที่สุด

อย่างไรก็ดีจากผลงานของ แรชฟอร์ด ในเกม "แดงเดือดหรือในแมตช์ใหญ่ๆเขายังคงพึ่งพาอาศัยได้เสมอ ที่สำคัญในแมตช์นี้ นักฟุตบอลยังคงปฏิบัติหน้าที่เป็นหน้าเป้าภายใต้การกุมบังเหียนของผู้จัดการทีมโอเล่ กุนนาร์ โซลชา ซึ่งในเวลานี้ดูเหมือน "หนูแรช" คงจะเริ่มปรับพฤติกรรมกับตำแหน่งนี้ได้เรื่อย

2. ดราม่า วีเออาร์
ในตอนต้นฤดูนี้ วีเออาร์ ได้รับการเชิดชูเป็นอย่างมากด้วยเหตุว่าช่วยทำให้เกมมีความเป็นธรรมมากขึ้นเรื่อยๆ ด้วยเหตุว่ามีหลายเกมสามารถแปลงผลที่เกิดขึ้นจากการแข่งขันได้โดยทันที แต่ในเกม "แดงเดือดมีใจความสำคัญให้จำต้องกล่าวถึงเกี่ยวกับระบบเทคโนโลยีชิ้นนี้

สำหรับหัวข้อสำคัญมีเหตุที่เกิดจากจังหวะที่ แมนฯ ยูไนเต็ด ได้ประตูนำ ภายหลังที่ ดิว็อค โอริกี้ โดนเตะด้านหลังจาก วิคตอร์ ลินเดอเลิฟ โดยต่อไปเจ้าของบ้านก็ได้ครอบครองบอล ก่อนที่จะ เจมส์ จะลากไปแทบถึงเส้นข้างหลัง รวมทั้งเปิดให้ แรชฟอร์ด แปบอลเข้าไปซุกก้นตาข่าย

จากภาพ "วีเออาร์" เห็นได้ชัดว่า โอริกี้ โดน ลินเดอเลิฟ เตะจริงๆแม้กระนั้นเมื่อมองดูอีกมุมจังหวะนั้น ดาวเตะชาวเบลเยียม จับบอลยาวไปแล้ว ก่อนที่จะโดน สกอตต์ แม็คโทมิเนย์ แย่งบอลไป ซึ่งแน่ๆว่าจังหวะแบบงี้ขึ้นกับวิจารณญาณของ มาร์ติน แอตกินสัน และก็ในที่สุดก็ยกผลดีให้ฝั่งเจ้าของบ้าน

ในเวลาที่อีกจังหวะที่จะต้องใช้วีเออาร์เกิดขึ้นในช่วงท้ายครึ่งแรก เมื่อ ซาดิโอ มาเน่ สบโอกาสทำประตูให้กลุ่มตีเสมอ แต่ว่าภายหลังที่มีการเช็ควีเออาร์แล้ว ภาพแสดงแจ่มชัดว่าลูกฟุตบอลโดนมือสตาร์เซเนกัล ก่อนที่จะเขาจะทำประตู โดยเหตุนี้ในกรณีนี้นับว่ากระจ่างไม่มีข้ออ้าง

3. ใครๆก็ต้องการอัด เจมส์
แดเนี่ยล เจมส์ ดูเหมือนจะกลายเป็นเป็นไล่อัดของนักฟุตบอลหงส์แดง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในตอนต้นช่วงหลัง

ปีกดาวรุ่งกลุ่มชาติเวลส์ ซึ่งยอดเยี่ยมในดาวเตะที่ทำผลงานได้อย่างสะดุดตากับ "ผีแดงในช่วงฤดูกาลนี้ โชว์ฟอร์มปั่นป่วนเกมรับของหงส์แดงได้ตลอดในครึ่งแรก โดยยิ่งไปกว่านั้นความเร็วของเขาเป็นประโยชน์เป็นอย่างมาก ซึ่งมองได้จากจังหวะที่ลากบอลก่อนที่จะแอสซิสต์ให้ แรชฟอร์ด

บางทีอาจจะด้วยความเร็วของนักฟุตบอลทำให้หน้าแข้ง "ลิเวอร์พูลต้องหาแนวทางหยุดแบบโหดเหี้ยมอย่างในรายของ เฟอร์จิล ฟาน ไดค์ ที่พุ่งเข้าใส่นักฟุตบอลอย่างมากในตอนต้นช่วงหลัง ถึงกับขนาดเลือดกำเดากระฉูด ก่อนจะมาโดนอัดอีกรอบจาก ฟาบินโญ่ ในอีกไม่กี่นาทีต่อไป

จะว่าไปแล้ว เจมส์ เป็นนักฟุตบอลที่ค่อนข้างจะทรหดจริงๆเนื่องจากเมื่อไม่กี่วันก่อนเกม "เร้ด วอร์นักฟุตบอลพึ่งได้รับบาดเจ็บที่หัวอย่างมากจากการเล่นให้กลุ่มชาติเวลส์ แม้กระนั้นสำหรับเกมนี้แฟนบอล "ผีแดงอาจจะปลาบปลื้มอกชื่นมื่นกับผลงานของ เจมส์ โดยยิ่งไปกว่านั้นครึ่งแรก แต่ว่าสำหรับช่วงหลังเจ้าตัวโดนอัดจนกระทั่งเล่นไม่ค่อยออก

4. ไม่มี ซาลาห์ แต่ว่ามีลัลลาน่า
ปัจจุบันนี้สาวก "เดอะ ค็อป" สารภาพแล้วว่าการที่กลุ่มขาย โมฮาเหม็ด ซาลาห์ ราวกับกลุ่มขาดเฟืองสำคัญสำหรับในการขับเคลื่นเกมรุกของกลุ่ม โดยยิ่งไปกว่านั้นสำหรับการเล่นเกมบุกทางฝั่งขวาแทบปราศจากความอันตรายเมื่อไร้สตาร์ดังกลุ่มชาติอียิปต์ในแมตช์นี้

นอกเหนือจากนั้น ซาดิโอ มาเน่ อาจจะรู้สึกซึ้งแล้วว่าหากว่าไม่มี ซาลาห์ ชีวิตในสนามของเขาอาจจำต้องพบกับงานสุดหิน เนื่องจากว่าเจ้าตัวไม่สามารถที่จะแงะฟอร์มเก่งออกมาได้เลยเนื่องด้วยโดนแนวรับของ แมนฯ ยูไนเต็ด จัดแจงปิดโอกาสได้หมด ถ้าเกิดไม่นับจังหวะแฮนด์บอลทำประตู บอกเลยว่า ดาวเตะเซเนกัล ไม่มีช่องทางประดิษฐ์เกมเลย

แต่สิ่งหนึ่งที่ "เดอะ เร้ดส์" สะดุดตาในช่วงฤดูกาลนี้ก็คือขุมกำลังเสริม โดยภายหลังที่ คล็อปป์ ตกลงใจแก้เกมส่ง อเล็กซ์ อ็อกซ์เลด-แชมเบอร์เลนอดัม ลัลลาน่า รวมทั้ง นาบี เกอิต้า แน่ๆงานนี้เห็นผลเพราะเหตุว่า ลัลลาน่า จัดแจงสวมบทวีรบุรุษช่วยกลุ่มบุกมาแบ่งแต้มได้เสร็จ

ลองคิดดูตามใจว่า ดาวเตะเลือดผู้ดีวัย 31 ปี ใช้เวลาจำนวนมากอยู่กับการดูแลและรักษาการบาดเจ็บ แต่ว่าด้วยการที่ ซาลาห์ ลงมิได้ทำให้ อดีตกาลดาวเตะ "นักบุญเซาธ์แฮมป์ตัน ได้รับช่องทางสำคัญในแมตช์นี้ แล้วก็เจ้าตัวก็ทดแทนความเชื่อถือของ คล็อปป์ ด้วยการซัดประตูด้านหลังเกมซึ่งประตูนี้เป็นลูกแรกในเกมลีกตั้งแต่แมื่อพฤษภาคม 2017

5. หงส์แดง เสียโอกาสสร้างประวัติศาสตร์
แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ยังคงเป็นศัตรูที่ทิ่มตำใจ หงส์แดง มาตลอด ในเกมนี้ "ปีศาจแดงก็จัดแจงหยุดความร้อนแรงของคู่ปรับตลอดไปที่เก็บชัยเป็นว่าเล่น 17 เกมที่ผ่านมา (รวมกับฤดูก่อนหน้านี้ที่ผ่านมาแม้นับเฉพาะในฤดูกาลนี้ "ลิเวอร์พูลชนะรวด 8 แมตช์ต่อเนื่องกัน (ก่อนเกมแดงเดือด)

สำหรับแมตช์นี้ถ้าหาก หงส์แดง ชนะจะมีผลให้พวกเขาสร้างสถิติชนะ 18 เกมต่อเนื่องกันในพรีเมียร์ลีก เท่ากันกับ "เรือใบสีฟ้าแมนเชสเตอร์ ซิตี้ แม้กระนั้นในที่สุดสถิติของพวกเขาจะต้องหยุดลงอยู่ที่ 17 เกมแค่นั้น งานนี้อาจจะทำให้สาวก "ผีแดงสาแก่ใจกันพอควร

แมตช์นี้ยังนับว่าเป็นจังหวะดีเลิศสำหรับ หงส์แดง เนื่องจากพวกเขาไม่เคยชนะใน โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด มาตั้งแต่ปี 2014 เพราะเหตุว่าการสู้กับ แมนฯ ยูไนเต็ด ที่อยู่ในฟอร์มเป๋ ทำให้ "ลิเวอร์พูลคงจะทำเป็นเสร็จ แต่ว่าในที่สุด แมนฯ ยูฯ ก็จัดแจงกีดกั้นพวกเขาจนได้

แม้กระนั้น กลุ่มของผู้จัดการทีมเจอร์เก้น คล็อปป์ ยังคงสร้างประวัติศาสตร์เมื่อสะกดคำว่า "แพ้ไม่เหนือชั้นกว่าไปแค่เพียงถูกขั้นด้วยผลเสมอเพียงแค่นั้น รวมทั้งยังคงนำห่าง แมนฯ ซิตี้ ถัดไป เพียงแค่ลดเหลือเพียงแค่ 6 คะแนนเพียงแค่นั้น

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

ลีกยุโรปแล้วยังไง อินโดฯสนที่แหน่งใด

สูตรในการวางเดิมพันเกมส์แบล็คแจ็ค

ข้อควรรู้เบื้องต้นก่อนทำการวางเดิมพันเกมส์ยิงปลา